เชื่อได้เลยว่าโทรศัพท์มือถือของใครหลายคนราคาต้องไม่ใช่ถูก ๆ อย่างแน่นอน ดังนั้นการดูแลรักษามือถือจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก และส่วนที่เรียกได้ว่าหากเกิดการเสียหายขึ้นมาก็คงยากต่อการใช้งาน นั่นก็คือ ‘หน้าจอมือถือ’
แต่อุบัติเหตุก็มักเป็นสิ่งที่เราไม่คาดคิดเสมอ ไม่เว้นแม้แต่สมาร์ทโฟนที่เราใช้ก็สามารถเกิดอุบัติเหตุได้เช่นเดียวกัน แม้เราจะใส่เคสกันกระแทกหรือติดฟิล์มกันรอยแบบกระจกดีขนาดไหน แต่หากมือถือเกิดหล่นหรือกระแทกอย่างรุนแรงของสองสิ่งที่กล่าวมาก็ไม่สามารถช่วยได้อยู่ดี ดังนั้น ‘การเปลี่ยนหน้าจอ’ จึงกลายเป็นทางเลือกสุดท้ายที่จะสามารถทำได้

และ iPhone ก็เป็นสมาร์ทโฟนอีกรุ่นที่เรียกว่าหากหน้าจอเกิดแตกขึ้นมาก็พลอยทำให้หลายคนเหงื่อตกไปตาม ๆ กัน เพราะด้วยราคาที่ค่อนข้างสูงของการเปลี่ยนนั่นเอง วันนี้เราจึงได้รวบรวมราคาเปลี่ยนหน้าจอ iPhone แบบอัปเดตล่าสุดมาฝากทุกคนกัน จะราคาอยู่ที่เท่าไหร่บ้างนั้นไปดูพร้อมกันเลยค่ะ
ราคาซ่อม iPhone แต่ละรุ่น
- iPhone 11 Pro Max : 10,699 บาท
- iPhone 11 Pro : 8,899 บาท
- iPhone 11 : 6,599 บาท
- iPhone XS Max : 10,699 บาท
- iPhone XS : 8,899 บาท
- iPhone X : 8,899 บาท
- iPhone XR : 6,599 บาท
- iPhone 8 Plus : 5,600 บาท
- iPhone 8 : 4,900 บาท
- iPhone 7 Plus : 5,600 บาท
- iPhone 7 : 4,900 บาท
- iPhone 6s Plus : 5,600 บาท
- iPhone 6s : 4,900 บาท
- iPhone 6 Plus : 4,900 บาท
- iPhone 6 : 4,300 บาท
- iPhone SE (รุ่นที่ 2) : 4,300 บาท
- iPhone SE : 4,300 บาท
- iPhone 5s : 4,300 บาท
- iPhone 5c : 4,300 บาท
ข้อมูลดี ๆ จาก : Support.apple
สำหรับราคาการซ่อม iPhone ทุกรุ่นนั้นจะเป็นราคาแบบไม่อยู่ภายใต้การประกัน แต่หากใครที่มีประกันจาก Apple อยู่ ก็อาจจะมีราคาที่แตกต่างไปจากราคาข้างต้น ทั้งนี้ในส่วนของราคาที่อยู่ในประกัน Apple จะเป็นผู้กำหนดให้กับลูกค้า
และทุกครั้งที่มีการส่งซ่อม iPhone ผู้ใช้จะต้องทราบ Apple ID ,รหัสผ่านของเครื่อง และสำรองข้อมูลในตัวเครื่องทุกครั้งที่ส่งซ่อมเพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดภายหลัง ซึ่งการส่งซ่อมนั้นอาจจะมีสถานที่บริการบางแห่งที่มีการให้บริการแบบเสร็จภายในเดียว แต่หากส่ง iPhone ไปซ่อมที่ศูนย์ของ Apple โดยตรง ก็จะต้องรอรับเครื่องภายในระยะเวลาประมาณ 5-7 วันทำการ
ทางที่ดีที่สุดสำหรับการซ่อมหน้าจอมือถือหรือส่วนประกอบอื่น ๆ ทั้งแบตเตอรี่ ตัวเครื่อง ฯลฯ ก็ควรส่งซ่อมที่ศูนย์ของมือถือโดยตรงดีกว่านะคะ ทั้งนี้ก็เพื่อให้ช่างมืออาชีพได้ตรวจเช็คสภาพของมือถือว่าพร้อมใช้งานหรือไม่ และเพื่อให้มือถือของคุณได้รับวัสดุที่มีคุณภาพนั่นเองค่ะ